หากย้อนไปตอนเป็นเด็ก คุณคงเคยได้ยินคำนี้มาบ้าง “….อาบน้ำร้อนมาก่อน” ในขณะที่ฟังตอนนั้นฉันยังจำได้แม่น ว่าอารมณ์ ณ ตอนนั้น มันสุมไปด้วยทั้งความโมโห ความเสียใจ ความอัดอั้น เพราะเวลามีคำพูดนี้มาทีไร แสดงว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น มักมีเรื่องราวร้ายแรงเสมอ ที่เขาว่ากัน ฉันก็ว่าจริง
คนที่พูดคำๆนี้มักไม่ใช่ใคร นอกเสียจาก คนในครอบครัว คนสนิท และส่วนใหญ่มักจะเป็น คนที่เราเรียกว่า “แม่” ในอุดมคติของหลายๆคนแม่คงจะเป็นคนที่ใจดี มีน้ำเสียงอ่อนหวาน ตามใจเราเสมอ แต่ผิดคลาด แม่ของฉันตรงกันข้ามหมดทุกอย่างก็ว่าได้ แม่ทั้งเสียงดุดัน เวลาใช้เรียกชื่อเราทีไร มีต้องสะดุ้งเป็นทุกรอบ แม่ไม่ใจดี ไม่ตามใจ ทำให้เกิดประเด็นดราม่ากันได้ตลอดเกือบแทบจะทุกวัน
แม่มักเปิดการ์ด “แม่อาบน้ำร้อนมาก่อน” ทำไมเรื่องนี้จะไม่รู้ โน้น นี่ นั่น … เอาหละยาวววว…. สุดท้ายแล้วฉันก็คือผู้แพ้ในสงครามนี้จนได้ แม่ชนะเพราะมีการ์ด “อาบน้ำร้อนมาก่อน” มายื่นใส่หน้าฉัน ทำให้ฉันไม่รู้จะอ้างอะไรได้อีก เพราะว่ามันก็จริงอย่างที่แม่คิด แม่มักจะถูกในสิ่งที่เขาพูดออกมาเสมอและมันก็ล้วนจะเป็นเรื่องที่เป็นจริงเกือบทุกเรื่อง
ในตอนวัยรุ่น เราทุกคนมักจะมีอารมณ์ที่ฉุนเฉียวได้ง่ายและอารมณ์ที่หุนหันพลันแล่นมากขึ้นกว่าตอนเป็นเด็ก จากตอนเด็กเคยยอมแม่เสมอเวลาทะเลาะ กลายเป็นพอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว เรามักจะเถียงหัวชนฝาเลยทีเดียว เถียงเพื่อให้ได้ชัยชนะมา ไม่ยอมเป็นคนแพ้เด็ดขาดในการทะเลาะแต่ละครั้ง กว่าจะจบเรื่องจบราวได้ก็ทำให้ต่างฝ่ายต่างเสียความรู้สึกไปซะแล้ว
วันหนึ่งฉันเห็นบทความในเฟสบุ๊คเรื่อง “กราฟของชีวิต” เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและความรู้สึกที่เรามีในตอนนั้น ใจความสรุปได้ว่า
- ช่วงวัยเด็กเราจะอยู่ติดกับครอบครัว เป็นเด็กที่ไม่ว่าดื้อขนาดไหน ครอบครัวก็ยังมองว่าเราน่ารักเสมอ
- โตมาสักหน่อย เริ่มมีเหตุผลเป็นของตัวเองแต่ก็ยังไม่ถึงขนาดโต้แย้งใครได้เพียงแต่คิดสงสัยในหัวตัวเองเท่านั้น
- ช่วงวัยรุ่น ช่วงนี้จี๊ดจ๊าดที่สุด ทั้งอารมณ์ ความคิด เขาจึงให้คำนิยามว่า “ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ” เดินทางดีก็ได้ดี หากเดินทางร้ายก็อาจจะพลาดพลั้งเสียคนไปเลย
- โตขึ้นมาหน่อยช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ช่วงนี้ติดเพื่อนสุดๆ อยากอยู่หอ ไม่อยากอยู่บ้าน อยากใช้ชีวิตกับเพื่อน กว่าจะยอมกลับบ้านเจอแม่ที แม่ชวนแล้วชวนอีก ทำกับข้าวรอลูกจนข้าวแห้งลูกก็ยังไม่โผล่หัวมา
- ช่วงเริ่มเข้าวัยผู้ใหญ่ ช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มชีวิตจริงๆก็ว่าได้ ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่เริ่มเกิดขึ้น ไหนจะรถที่พึ่งดาวน์มาหละ ค่างวดรถที่ต้องเจอกันทุกต้นเดือน ไหนจะค่ากับข้าวในแต่ละวัน ไหนจะเงินเดือนส่วนหนึ่งที่แยกไว้โอนกลับไปให้ครอบครัวพ่อแม่ได้ใช้ เฮ้อ…เริ่มเหนื่อยแล้วสิ อยากกลับไปเป็นเด็กจัง
- ช่วงวัยผู้ใหญ่เต็มตัว ชีวิตยังต้องสู้ต่อไป กัดฟัน เหนื่อยแค่ไหนต้องไม่ย่อท้อ ช่วงนี้เริ่มสร้างครอบครัวเล็กๆเป็นของตัวเองแล้ว มีคู่ชีวิต มีลูก ในวันที่ลูกเกิด มีความรู้สึกที่แปลกมาก รู้สึกรักแม่พ่อเหลือเกิน สุดหัวใจจริงๆ เพิ่งเข้าใจว่าในโลกใบนี้คงไม่อาจมีใครรักเราได้เท่า แม่ อีกแล้ว รู้สึกผิดกับแม่จัง
- วัยเริ่มเข้าสู่ผู้ใหญ่ตอนปลาย ดั่งเวลาย้อนกลับ คิดถึงและโหยหาพ่อแม่เหลือเกิน อยากให้เวลาหยุดหมุน พ่อแม่ชราลงจนเห็นได้ชัด ผิวหนังที่เคยตึงกลับกลายเป็นเหี่ยวย่น ใบหน้าที่เคยอวบอิ่มของแม่ตอนนี้ทำไมดูซูบโทรมเหลือเกิน เวลามันผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ
นี่เราปล่อยให้เวลามันผ่านมานานขนาดนี้เชียวหรือ มองย้อนกลับไปมีแต่ความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เวลามาพรากสิ่งที่ควรจะทำแต่ยังไม่ได้ทำและไม่มีโอกาสได้ทำเสียแล้ว หากย้อนเวลากลับไปได้ ที่เขาว่ากัน ฉันก็ว่าจริงฉันคงจะเชื่อทุกคำที่แม่บอก ทุกคำที่แม่สอน ไม่เถียงไม่ทะเลาะอะไรทั้งนั้น ยอมได้ก็ควรจะยอม ไม่ใช่เพราะคำว่า “อาบน้ำร้อนมาก่อน” แต่เพราะคำว่า “แม่” คำๆนี้คำเดียวเท่านั้น